"หนุ่ม กรรชัย" ยอมรับ "โหนกระแส" ตีแผ่ความจริง แม้ต้องเสียเพื่อน

กรรชัย กำเนิดพลอย: เบื้องหลังรายการโหนกระแส กับราคาที่ต้องจ่าย

ในแวดวงสื่อสารมวลชนไทย ชื่อของ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ถูกจารึกในฐานะพิธีกรผู้ทรงอิทธิพลจากรายการ "โหนกระแส" ภาพที่คุ้นตาคือบทบาทของผู้สัมภาษณ์ที่เจาะลึกทุกประเด็นร้อน แรง และเป็นกระแสในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัวของคนดังหรือปัญหาสาธารณะที่ท้าทายความคิด แต่ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้สลับบทบาทมานั่งแท่นแขกรับเชิญในรายการ "แฉ" ของน้องสนิทอย่าง มดดำ คชาภา เพื่อเปิดเปลือยทุกแง่มุมของชีวิตในเส้นทางพิธีกร และราคาที่ต้องจ่ายไปกับความสำเร็จที่ได้รับ

โหนกระแส: เกาะติดทุกสถานการณ์ สู่การตีแผ่ความจริง

หลายคนอาจตั้งคำถามถึงทิศทางของรายการ "โหนกระแส" ที่มักหยิบยกประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือเรื่องราว "ผัวเมีย" มานำเสนอ แต่ กรรชัย ได้ให้มุมมองที่แตกต่างออกไป เขามองว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว หากแต่เป็นประเด็นที่สะท้อนถึง "สถาบันครอบครัว" ซึ่งมีความสำคัญต่อสังคมอย่างยิ่ง บางกรณีอาจเกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อเด็ก หรือแม้กระทั่งข้อกฎหมายที่ประชาชนควรรู้ เช่น เรื่องสิทธิในทรัพย์สินสมรส หรือสิทธิในการฟ้องร้อง "ถ้าเรากลับไปคิดดีๆ เรื่องผัวเมียเป็นเรื่องของสถาบันครอบครัว เป็นเรื่องของเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บางเรื่องแก้ปัญหาให้กับเด็ก หรือมีข้อกฎหมายที่แทรกเข้ามา เรื่องนี้ฉันฟ้องได้ไหม เรื่องสินสมรสฉันฟ้องได้ไหม" กรรชัยกล่าว นี่คือมุมมองที่ "โหนกระแส" พยายามจะสื่อสารออกไป เพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้และเข้าใจในมิติที่ลึกซึ้งกว่าเพียงแค่เรื่องซุบซิบ

นอกจากนี้ กรรชัยยังชี้แจงถึงชื่อรายการที่บ่งบอกถึงเนื้อหาได้เป็นอย่างดีว่า "ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าโหนกระแส อะไรที่เป็นกระแสก็ทำเรื่องนั้น" ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องราวของบุคคลในวงการบันเทิงเท่านั้น รายการมุ่งเน้นการนำเสนอประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม สำหรับประเด็นทางการเมืองที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าไม่ค่อยปรากฏในรายการ กรรชัยอธิบายว่า "พี่ไม่ถนัด ถ้าพี่ไปทำอาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ ก็ให้คนที่เขาถนัดทำดีกว่า" เป็นการสะท้อนถึงจรรยาบรรณในการทำงานและขอบเขตความเชี่ยวชาญของตนเอง เพื่อให้เนื้อหาที่นำเสนอมีความน่าเชื่อถือและถูกต้องที่สุด

ราคาแห่งความจริง: มิตรภาพที่ต้องแลก

เมื่อถูกถามว่าการทำรายการ "โหนกระแส" ทำให้มีศัตรูในวงการมากขึ้นหรือไม่ กรรชัยยอมรับว่ามีความรู้สึก "นอยด์" อยู่บ้าง เพราะบางครั้งประเด็นที่ต้องนำเสนอเป็นเรื่องราวของคนในวงการ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานหรือแม้กระทั่งพี่น้องที่สนิทสนม "บางทีเราทำข่าวบางทีและบางครั้งมันมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนในวงการเป็นพี่ๆ น้องๆ ในวงการ เราก็ต้องรายงาน บางครั้งเราต้องทำในโหนกระแส มันก็ทำให้เสียพี่เสียน้องไปเยอะ เสียเพื่อนไปเยอะ เมื่อวานรักกันดีอยู่วันนี้อาจจะเป็นอีกเรื่องนึงไปเลยก็ได้"

อย่างไรก็ตาม กรรชัยเน้นย้ำถึง "หน้าที่" ของสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอข้อเท็จจริง "เราไม่นำเสนอก็ไม่ได้ เพราะมันคือข่าวมัน เป็นหน้าที่ บางครั้งเราต้องนำเสนอตามข้อเท็จจริง ถ้าเราไม่ทำคนอื่นเค้าก็ต้องทำอยู่ดี จะย้อนกลับมาถามอยู่ว่าทำไมเราไม่ทำ เลือกเหรอ" นี่คือ Dilemma ที่พิธีกรข่าวต้องเผชิญ การเลือกระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความรับผิดชอบต่อสาธารณะในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน จากแหล่งข่าวหลายสำนักรายงานตรงกันว่า การทำงานในวงการสื่อมวลชนสายข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการที่เกาะติดประเด็นร้อนแรง มักจะมาพร้อมกับความท้าทายในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวเสมอ เนื่องจากหน้าที่หลักคือการนำเสนอความจริง โดยไม่สามารถเลือกข้างหรือหลีกเลี่ยงประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้

ในท้ายที่สุด กรรชัยกล่าวว่า "เมื่อก่อนเครียดนะ แต่วันนี้เป็นความเคยชินไปแล้ว" ประโยคสั้นๆ นี้สะท้อนถึงการปรับตัวและความเข้มแข็งทางจิตใจของพิธีกรผู้มากประสบการณ์ ผู้ที่ต้องแบกรับแรงกดดันจากสังคม และยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ในการตีแผ่ความจริง แม้จะต้องแลกมาด้วยมิตรภาพบางอย่างที่สูญเสียไปก็ตาม