พิธา" เผยแนวทางสู้ยุบพรรค โดยเน้นข้อเท็จจริง

พรรคก้าวไกลประสบความฝันร้ายเมื่อกลุ่มตกเขียวใช้เงินล่อซื้อสมาชิกสส. นักการเมืองรุ่นหนุ่ม “พิธา” ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล

เผยแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรคอย่างมีเชื่อมั่น ตามคำชี้แจงที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยเน้นที่ความจริงและกฎหมายของคดี

เชื่อเส้นทางนี้จะนำพาไปสู่ความยั่งยืนของพรรค ในขณะที่นายธนาธร ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการสร้างขบวนการตกเขียวเพื่อใช้เงินล่อซื้อสมาชิกสส.

อย่างชัดเจน ในข่าวอื่น ๆ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยี่ยมชมโรงพยาบาลช้างและศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ณ จังหวัดลำปาง

เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและชมการปฐมพยาบาลช้าง พร้อมกับรับประทานอาหารและชิมข้าวแต๋น พร้อมดูสาธิตการทำกะเพราเนื้อ ทั้งนี้

การเยี่ยมชมและการโพสต์ภาพลงโซเชียลมีเดียของนายกฯได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวหันมาสนใจและสนับสนุนสินค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทั้งยังเข้มงวดในการโปรโมตสถานที่และเส้นทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับกิจกรรมสำคัญของชาวพื้นท้องถิ่น

อันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเชื่อถือได้

‘พิธา‘ มั่นใจไม่มีข้อกฎหมายเอาผิด 44 ส.ส.ลงชื่อแก้ ม.112 ได้ ชี้ กกต. ยื่นคำร้องศาลรธน.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มองสัดส่วนความผิด แค่เตือนให้หยุดการกระทำก็เพียงพอ-ไม่ควรลากถึง กก.บห.ชุด 3 ลั่น

ไม่ได้ไร้เดียงสา ที่จะไม่รู้ว่ามีบางพรรคอยากได้ส.ส. หวังต่อรองเก้าอี้รมต.

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก.

ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงแนวทางการต่อสู้ของพรรคก้าวไกลในคดีล้มล้างการปกครอง 9 ข้อ ถึงความมั่นใจในข้อต่อสู้ว่า 44 ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

จะไม่ถูกพิจารณาทั้งหมด หรือถูกพิจารณาเป็นรายกรณี ว่า มั่นใจทุกข้อเท่ากัน เพราะทุกข้อเหมือนเป็นด่านและบันไดที่จะใช้ต่อสู้ ตั้งแต่ขอบเขตอำนาจของศาลไปจนถึงสัดส่วนการได้โทษของกรรมการบริหารพรรค

นายพิธากล่าวว่า แต่เรายังเชื่อว่าเจตนาและการกระทำของ ส.ส.ในการเข้าชื่อแก้ไขกฎหมาย ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครอง และไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ รวมถึงการกระทำต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเป็นนายประกัน การที่มีสมาชิก และ ส.ส.ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีความผิด มาตรา 112 การแสดงออก เรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมาย มาตรา 112

ก็ถือเป็นการกระทำทั่วไป การกระทำทุกอย่างเป็นเรื่องรายบุคคล ที่ถูกขยุมรวมกัน ไม่ได้มาจากมติพรรค ไม่ได้เป็นเรื่องนิติบุคคล แต่เป็นเรื่องปัจเจก

ไม่ได้มีความเห็นที่ออกมาจากกรรมการบริหารพรรค ย้ำว่าต้องแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล สิ่งเดียวที่มีการออกมาตามมติของพรรค

คือการบรรจุเป็นนโยบายหาเสียง แต่ก็ไม่เป็นปฏิปักษ์ เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เองก็อนุญาต ไม่ต้องถึงใช้ระดับวิญญูชน หรือระดับเดียวกับตอนที่ใช้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และไม่ได้มีจดหมายเตือน และจดคำถามที่มาของนโยบายอย่างที่พรรคอื่นโดน

นายพิธายืนยันว่า ไม่ได้มีทั้งเจตนาและไม่มีข้อกฎหมายที่สามารถเอาผิดทั้ง 44 คน ในการเข้าชื่อแก้ไขกฎหมายที่ไม่ได้เข้าสภา เพราะฉะนั้นไม่ได้มีความเร่งด่วนอะไรที่จะใช้มาตรการที่รุนแรง

ส่วนกรณีที่ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการพิจารณานั้น เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 ระบุไว้ชัดเจนถึงอำนาจหน้าที่เฉพาะแค่ 3 ข้อ ไม่เหมือนกับศาลธรรมดาทั่วไป ยกเว้นหากกรณีที่ไม่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ไปใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของรัฐธรรมนูญ

ซึ่งไม่มีเป็นบ่อเกิดให้มีอำนาจหน้าที่เกินจากนั้น ก็ไม่มีตรงไหนที่บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการยุบพรรค มีอำนาจในการตัดสิทธิ มีอำนาจในการกำหนดระยะเวลาในการแบนนักการเมือง เป็นต้น..