อันตรายของโรคเบาหวาน พร้อมแนะนำวิธีลดเบาหวานที่ทำได้เลย

เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังเกิดจากระบบเมตาบอลิซึม (Metabolisom) ของร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเมื่อมีภาวะติดเชื้อจากโรคนี้แล้ว จะมีความเสี่ยงต่อชีวิตได้ง่ายมากกว่าปกติ

ดังนั้นในบทความนี้ Wellnessmark จะพาทุกคนมารู้จักโรคเบาหวานให้มากขึ้น ว่ามีสาเหตุจากอะไร อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากโรคนี้ และวิธีลดเบาหวานที่ทำได้ง่าย แค่ปรับพฤติกรรม

สาเหตุเบาหวาน เกิดขึ้นจากอะไร?

โดยปกติแล้ว เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นเป็นปกติ ซึ่งร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินซูลิน (Insulin) ออกมาเพื่อพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์และรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้เป็นปกติ ทว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ ผู้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าปกติเรื้อรังและต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากการทำงานผิดปกติของตับอ่อนที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยกว่าปกติ รวมถึงการเกิดภาวะดื้ออินซูลินขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายจะไม่ตอบสนองต่ออินซูลินเท่าที่ควรจึงทำให้น้ำตาลในเลือดสะสมสูงขึ้น

การปล่อยให้น้ำตาลในเลือด (Hyperglycemia) สูงเป็นเวลานานๆ จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัว ส่งออกซิเจนไปในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลง ทำให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสภาพได้ รวมถึงอาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากการสะสมของสารคีโตน (Ketones) ซึ่งเมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้น ผู้ป่วยส่วนมากจะไม่มีอาการแสดงออกชัดเจน ยกเว้นแต่จะมีการเจาะเลือดเพื่อประเมินระดับน้ำตาลในเลือด

ระดับน้ำตาลที่ปลอดภัยจะอยู่ในเกณฑ์ 70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากมากกว่า 100-125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งแพทย์จะแนะนำวิธีลดเบาหวาน ด้วยการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกำลังกาย หากระดับน้ำตาลสูงเกิน 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป จะถูกประเมินว่าเป็นโรคเบาหวาน อีกทั้งหากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป จะเกิดอาการที่ผิดปกติ ร่างกายพยายามขับน้ำตาลออกไป ไตจะทำงานหนักทำให้ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในเวลากลางคืน กระหายน้ำมากกว่าเดิม อาจมีอาการน้ำหนักลด อ่อนเพลียง่าย มองเห็นไม่ชัด สายตาพร่ามัว ป่วยง่าย แผลหายยาก ผิวแห้ง และหิวง่ายแม้จะเพิ่งกินมา

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานยังมีความเสี่ยงอื่นๆ อย่างภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดเล็ก เช่น เบาหวานขึ้นตา ไตวาย หรือมีอาการชาปลายเท้าหรืออาการเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดใหญ่จนอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ทำให้เกิดแผลง่ายและมีโอกาสถูกตัดนิ้ว/ยา รวมถึงอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต

ดังนั้น สามารถที่จะป้องกันและชะลอโรคเบาหวานได้ โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นวิธีลดเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

วิธีลดเบาหวาน ห่างไกลโรคร้ายได้มากกว่าเดิม

เนื่องจากเบาหวานเกิดขึ้นจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นผิดปกติและเรื้อรัง ซึ่งสามารถป้องกันได้ผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้

1. พฤติกรรมการกิน

ควรเลือกกินรสหวานให้น้อยลง ลดน้ำตาล แป้ง และคาร์โบไฮเดรต จำกัดปริมาณการกินน้ำตาล ซึ่งหากใครที่ติดหวาน แนะนำให้เริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจเลือกผักผลไม้มากินแทนในระยะแรก ก่อนจะค่อยๆ ลดปริมาณความหวานลงแทน นอกจากนี้ แนะนำให้กินอาหารที่มีกากใยสูง จำพวกผักใบเขียว ธัญพืชเต็มเมล็ด เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ ช่วยให้อิ่มนานขึ้น อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือดเพราะทำให้ร่างกายย่อยและดูดซึมคาร์โบไฮเดรตช้าลง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดจะขึ้นอย่างช้าๆ

2. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายทำให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานบางคนมีภาวะน้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์เป็นสาเหตุให้เกิดความดัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือโรคหัวใจได้ ดังนั้นการออกกำลังสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ครั้งละ 30 นาที 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้

3. งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

ผู้ป่วยเบาหวานนั้นมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น และการดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะลดประสิทธิภาพยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวานได้ อีกทั้ง การดื่มเครื่องดื่มมึนเมามักทำให้เกิดการลืมตัว อาจทำให้เรากินของหวานหรืออาหารมากเกินไป จนทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้นั่นเอง

จบไปแล้วกับ 3 วิธีลดเบาหวาน ซึ่งนอกจากวิธีการเหล่านี้ การมองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยได้ สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพ สามารถเลือกซื้อได้ที่ Wellnessmask การันตีของแท้ ได้ที่นี่